วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2552

666








เสร็จแล้วครับ กับงานที่ทำแล้วรุสึกงงกับตัวเอง ว่าเก็บกดไรรึป่าว 55 ก็ลองเปลี่ยนสไตล์งานจาก เดิมทีที่ใช้เลเยอร์มากมายหลายชั้นในการทำน้ำหนักให้งาน เปลี่ยนเป็นเงาน้ำหนักเดียว แล้วใช้เป็นลวดลาย จากนั้นก็ตามด้วย gradiant ที่งานนี้ยิงปิ้วๆ มั่วกันทั้งงานเลยทีเดียว



เห็นอย่างงี้แต่มีเลเยอร์เสียเยอะมาก ที่ปิดบังแอบซ่อนอยู่ ใต้ผลงาน อีกทั้งอนาโตมี่ที่ค่อนข้างไม่ได้ส่วนเป๊ะ ก็เป็นปัญหาหลักสำหรับงานนี้มากเลย เพราะว่าผมจบสูตรดรออิ้งมาแค่ porttrait น่ะนะ งานนี้จึงเป็นโจทย์ยากที่ทำเอา ต้องแก้แล้วแก้อีก (โดยเฉพาะตัวผู้หญิง ที่แก้กันถึง 3 4 รอบด้วยกัน) แต่ดีครับ เพราะอย่างน้อยก็จบงานโดยไม่มีการดาฟเกิดขึ้น lol



พูดถึงคอนเซ็ป ก็ไม่รุสินะ จากเดิมที ที่ทำเลเยอร์เยอะๆ ผมก็อยากเปลี่ยนมาเป็นน้อยๆ บ้าง ส่วนเรื่องราวของภาพ ผมก็งงกับตัวเองเหมือนกัน ไม่มีอะไรมากครับ นอกจากความรู้สึกอยากวาดรูปนี้ขึ้นมา อาจจะเพราะช่วงนี้ฟังเพลง death metal ทุกวันด้วยมั้ง เลยอารมณ์แปรปรวน lol



ทำออกมาเสร็จก็พอใจผลงานมากครับ แต่รู้ว่างานนี้มีจุดผิดเพี้ยนเยอะ ทั้งสีทั้งสัดส่วนที่มีให้ติ กันพอควรเลย แต่นับเป็นประเดิมงานสไตล์ใหม่ชิ้นแรก ถ้าไม่รีบจบงานเร็วกว่านี้ ตามจิงผมอยากใส่ลายละเอียดอะไรมากขึ้นกว่านี้อีกนิดนะ






เอาล่ะคับ ส่วนนี้ขอนอกเรื่องบ้างที่พูดถึง death metal

จากนี้ไปขอบ่นถึงเพื่อน หรือผู้ มีอคติต่อเพลงที่คุณๆ กำลังฟังหรือได้ยิน ส่วนตัวผม ผมเป็นคนที่ฟังเพลงได้ทุกแนวนะ ตั้งแต่เกาหลีจ๋า ยัน death metal ที่แหกปากไม่รู้ว่ามันร้อง(ห่า)ไรออกมา แต่ที่ไม่ชอบก็พวกแนวฮิพน่ะนะ อันนั้นฟังแล้วรุสึกรำคาญ ที่จะบ่นก็คือการปิดกั้นตัวเองของผู้มีอคติ ที่คิดว่าตนนั้นมีสไตล์นี้ (อาจจะเช่นการแต่งตัว หรืออะไรก็แล้วแต่) ทำให้เป็นกำแพงสูงกั้นว่า อย่างข้าน่ะ ไม่ฟังหรอก เกาหลี ลาว เสี่ยวอย่างข้ามันต้องการาจร็อค เออก็ว่ากันไป ทั้งที่ตามจิงพวกคุณนั้นยังไม่ได้เปิดใจฟัง หรือ แม้แต่จะฟังคุณก็ด่าว่ามันเสี่ยวก่อนแล้ว ซึ่งบางที การที่เราไปตามสถานที่ที่นึงที่มันเปิดเพลงที่คุณมีอคติ หรืออะไรก็แล้ว แต่คุณฟังแล้วมันติดหู หรือถึงกับเอามาฮัมเพลงในใจ แต่ปากคุณกับบอกว่ามันเสี่ยว ผมว่านั้นแหละคือการปฏิเสธ การพยายามไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น แท้จิงแล้วเพลงแต่ละประเทศมันก็มีแนวของเค้าไป คำว่าเสี่ยว ไม่เสี่ยว ผมว่ามันไม่มีหรอกครับ มันมีแต่คำว่าคุณชอบหรือไม่ชอบเท่านั้น


วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2552

photo shot(p)




คับ กับงานที่ถ่ายเส็ดแล้ว แบบเห็น(หนัง)หน้า กันชัดๆ แนวตั้ง ซึ่งตามจิงส่งแบบหลบมุมแนวนอน
ที่ถึงขั้นกับมาตั้งหัวข้อใหม่เนี่ยะ ใช่ว่าจะเห่อกับเจ้างานนี่หรอกครับ แต่จะพูดถึงเรื่องที่จะถ่ายรูปกันบ้าง
งานนี้ต้องรบกวนพ่อให้มาเซ็ตไฟถ่ายนะ (เพราะที่บ้านไฟมืด ไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่ บวกกับถ่ายเอาซะกลางคืน) ก็จัดไฟยังกะสตูดิโอย่อมๆ กันเลยทีเดียว

ตามจิงนะ เรื่องการถ่ายรูปแค่นี้ มันใช่ว่าจะเป็นเรื่องยุ่งยากไรเลย แต่เพราะผมเองก็ไม่ได้เคยเรียนหรือ แม้แต่จะสนใจถ่ายรูป เพราะกล้องส่วนตัวน่ะมันมี แต่ไม่เคยคิดจะเอาไปถ่าย เป็นคนไม่พกกล้องเลย ปันหาที่ตามมาก็คือ ถ่ายรูปไม่เป็น ต้องใช้คำว่า ไม่เป็น กันเลยทีเดียวนะ เพราะแค่เปิดกล้องมา ก็งงตึ้บกับโหมดมันแล้ว ไปจอเมนู กลับไปโหมดถ่ายก็ต้องสะกิดเพื่อน เฮ่ย มึงเปลี่ยนกลับโหมดถ่ายให้หน่อยเดะ กูใช้ไม่เป็นว่ะ 555

อืม...นะ ตามจิง ก่อนเราจะซิ่วก็เห็นเพื่อนๆเค้าเรียนคอสถ่ายรูปกันตอนปิดเทอม เสียดายที่ช่วงนั้นเราต้องเตรียมจะไปรับน้องใหม่ซะแล้ว เฮ่อ

นอกจากใช้กล้องยังเป็นแล้ว ยังใช้ photoshop ไม่เป็นอีก (จิงแล้วมันเป็นน่ะ แต่พอไม่ได้ใช้มันเลยระเหิดออกจากสมอง) แค่จะเปลี่ยนสีแต่งรูป ต้องวนดูกันนานเลยทีเดียว ใช้เลเยอร์ก็ไม่ค่อยคล่อง เฮ่อ แย่ครับ ก่อนหน้านั้นไม่น่าทิ้งช็อปไปเลย ตอนนี้เข็ดมาก

เอ่อ แล้วก็นี่เป็นรูปผมรูปแรกล่ะม้างที่เอาหน้าตัวเองลงเน็ตให้ได้เห็นกัน 555 ก็ ไครยังไม่เคยเห็นก็นี่แหละคับ สวัสดีคับ

วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2552

I am a Thai Graphic Designer



เส็ดแล้วครับ กับงานประกวดออกแบบfont: I am a Thai Graphic Designer
ที่ทำในรูปแบบให้คล้ายๆกับ Pixel Art แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว รวมๆงานออกมาก็โอเคพอใจครับ แต่มีปัญหากับสีที่เวลา Export มาแล้วปัญหารูว่างสีขาวนั้นทำให้สีภาพดูดร็อปลงกว่าตอนทำพอควรเลยทีเดียวครับ หวังว่าจะไม่มีปัญหาตอนไปปริ้นนะครับ


อีกอย่างที่รู้สึกติดใจก็คือรายละเอียดครับ มันดูยุ่งยากในการจะจัดคอมโพสให้ลงตัวนะ เพราะว่าสเก็ตไว้ทีแรก ผลงานออกมาก็ไม่ได้ตรงตามที่สเก็ตซะเป๊ะ แล้วก็ต้องใช้การจัดช่องไฟ ไม่ยากไม่เหนื่อย แต่เครียดกะการกะช่องซะเหลือเกินครับ


ผลงานที่ออกมาก็ไม่รู้จะถูกโจทย์รึป่าวนะ ที่บอกว่าให้ออกแบบ font แต่ที่ทำเหมือนจะเป็นการเอาคำมาจัดคอมโพสซะมากกว่า แต่ไงๆ ดูจากงานที่คนอื่นทำ มันก็มีแนวๆแปลกบ้างเหมือนกันน่ะครับ ยังไงก็ต้องรอดูผลต่อไป
เขียนเพิ่มนะ ก็หลังจากที่ลองดูไปดูมาแล้ว รู้สึกว่าพอทำในอีลาส กับถ่ายออกมาสีงานดร็อปมากเลย จากปันหาช่องห่าง ทำให้สีที่มองเห็นมันดูซีดลงไปเยอะ เราเลยจัดการถมดำ(แม่ม)เลย ก็ทำให้งานดูออกมาโอเคขึ้น ทีแรกว่าจะใช้แถบหลังคาด แต่ให้ตายเหอะ ทั้งแข็งทั้งขัด เสี่ยวๆ เราเลยเอางี้ดีกว่านะ

วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2552

Clint Eastwood : Graphic

เส็ดแล้วครับ รูป CG ที่ทำขึ้นเล่นๆ เพื่อฝึกมือช่วงปิดเทอม สนุกดีคับ ทำวันละนิดละหน่อย
แล้วก็ใช้การลงสีแบบที่เมื่อก่อนใช้การจิ้มช่องเปลี่ยนมาเป็นการ Adjust color เอา รวมแล้วทำให้ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ 55 ส่วนสีก็ใช้การเบรคระหว่างโทนม่วงเหลือง กะน้ำเงินส้ม เป็นส่วนใหญ่นะครับ ซึ่งงานส่วนใหญ่ที่ผมทำไม่ว่าจะสีน้ำหรืออะไรก็แล้ว แต่ก็จะเน้นสีน้ำเงินทั้งนั้น ตามจิงงานนี้กะจะเลี่ยงแล้วนะเนี่ย แต่ก็อดใจไม่ได้ lol ไว้งานหน้าผมคงลองโทนแปลกๆดูบ้างครับ

ยังไงงานนี้ขอบคุณ พี่มือโปรทั้งหลายที่ให้คำตอบนะคับ 55

ในรูปงานก็เป็นรูปของ clint eastwood นะ ที่เลือกปู่มาทำก็ไม่ใช่ไรหรอกคับ คือรักหนังของปู่มากน่ะนะ ดูน้ำตาไหลแทบทุกเรื่องเลย (แผ่นก็อปทุกเรื่องเช่นกัน) เพื่อตอบแทนหนังดีๆ ก็เลยทำCGให้ปู่ละกันนะ lol
อยากให้ปู่มาเห็นนะเนี่ย LOL ที่ทำใส่ชุดคาวบอยก็เพราะเมื่อก่อนปู่แกเน้นกำกับหนังคาวบอยเป็นหลักน่ะนะ ถึงแม้สีจะไม่ค่อยคาวบอยก็เหอะ 55

งานหน้าผมคงจะลองทำงานให้จบในกรอบพอดี ไม่มีกิมมิคยื่นมานะครับ(ไอ้ที่ยื่นๆมานี่ไม่ได้ตั้งใจนะ แต่คือมันจบงานไม่เป็น) แล้วคงจะเอาเพลง Painkiller ของ Judas Priest มาทำนะ ติดตามกันต่อไปครับ

เอ้อ งานนี้รุ้สึกจะมีปันหากับ Export คับ คือออกมาแล้วสีมันสดมากกกก กว่าที่ทำอ่ะนะ

วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2552

วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2552








เปลี่ยนบรรยากาศจากเหล่างานกลิ่นอาย PC มาเป็น งานมือบ้างครับ
เซ็ตนี้วาดตอน มศว ปี 2 เทอม 1 ช่วงเวลาที่ยังไม่ซี้กับโคปิกเท่าไหร่ ก็ช่วงนั้นบ้าเห่อสีน้ำก็เลยใช้สีน้ำทำ ผสมกับพวก EE โปสเตอร์ขาว มิ้วกี้ และสีไม้ผสมๆกันระบายครับได้อย่างที่เห็น ซึ่งตอนนี้ถ้าวาดคงได้ดีกว่านี้เยอะละ ยิ่งถ้าใช้โคปิกคงคุณภาพจี๊ดกว่านี้
สำหรับงานมือที่ใหม่กว่านี้เด็ดกว่านี้ของศิลปากรผมก็โดนอาจารย์(รัฐไทย) เค้ากำจัดทิ้งไปแล้ว เจ้าตัวบอกว่าไว้จะหาให้ จนตอนนี้ก็เงียบหาย ผมว่าคงงอกเป็นถั่วงอกไปแล้วล่ะคับอาจารย์ lol

วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2552

Future Form : Design II


งานนี้เป็นงานสรุปวิชา Design ii ของศิลปากรนะครับ ซึ่งพึ่งทำไม่นานนี้เท่าไหร่

อย่าพยายามมองครับ ว่างานนี้มันคือสิ่งประดิษไรเนี่ยะแหลมๆทองๆ ยังกะยานบินใน Starwar
คือโจทย์งานเป็นวิชา Design ii ที่ให้ทำโมเดล theme ของอนาคตที่น่าจะเป็นในอีก 10-15 ปีข้างหน้า
ซึ่งก็แล้วแต่แนวคิดของแต่ละคนว่าจะคิดในแง่ดี หรือคิดในแง่ลบ หรือจะหลุดโลก หรือจะอ้างอิงความจริงก็ต่างคนก็ต่างๆกันไป ส่วนผมค่อนข้างยึดติดนิดนึงเล่นในเรื่องของรสนิยมของคนในยุคนั้นที่น่าจะเป็นไปได้นะครับ ซึ่งในอนาคตผมก็ไม่ได้คิดต่างอะไรจากตอนนี้มากนัก แต่คือว่าคนน่าจะหันเข้าหาความเรียบง่ายที่เป็นไปได้มากที่สุดจากชีวิตที่ผู้คนในอนาคตน่าจะมีแรงกดดันทางสังคมที่มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการคมนาคม หรือการเมืองเศรษฐกิจ ปัจจัยอะไรหลายๆอย่าง การดีไซน์ที่ออกมาดูเรียบง่ายเพื่อขัดเกลาชีวิตที่ยุ่งยากมากเรื่อง ในขณะเดียวกัน เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำสมัยอย่างรวดเร็วก็ส่งผลต่อดีไซน์อย่างมากเช่นกันครับ(ซึ่งส่วนนี้รูปแบบดีไซน์ถ้าไครจำยานขนส่งใน ep 1 ได้ก็จะคุ้นๆกับงานนี้ครับ)

เป็นงานที่ทำเอาสนุกและทรหดสอนบทเรียนชีวิตดีครับ เรียกว่าเผาที่สุดเกือบจะในชีวิตแล้วม้างงานนี้ ตื่น 10 โมง สเก็ตแบบ 11 โมงขึ้น 3d จัดเพจทำไปทำมา กะพวกแผ่นพรีเซนต์ที่เป็นพาวเวอร์พอยต์อีกครับ กว่าจะเส็ดก็ปาเข้าไปเกือบเช้าแล้ว จากนั้นต้องตื่นมาไปปริ้นเส็ดกลับมาเที่ยงๆ นอนพักซักชั่วโมง หลังจากนั้นก็ต้องเริ่มทำโมเดล(ย้ำว่าเป็นโมเดลที่ต้องเนี้ยบนะครับ ไม่ใช่โมเดลสตั๊ดดี้)ต่อภายในวันเดียวเลยครับ ยันเช้าก็ยังไมได้นอนครับ วันต่อไปก็หยิบไปส่งพร้อมสี blonde ที่แห้งไม่ทันส่ง ซึ่งมีเวลาตากได้แค่ 4 ชั่วโมงเอง สภาพโมเดลเหมือนโดนหมาเรื้อนฟัดกระจาย 555 ล้อเล่นครับแค่ประมาณริ้วรอยมันเยอะมากๆอ่ะ

งานนี้เหนื่อยมากครับ 2 วันที่อดหลับอดนอนกันสุดๆเลย สภาพโมเดลต่ำมากก็จิง แต่เพจก็อย่างที่เห็นครับ พอดูได้ แล้วโดนอาจารย์บังคับให้แบ่งเพจเป็น 2 อัน ก็เลยดูโล่งๆสะอาดตาไปอีกแบบครับ.

*รู้สึกเอาขึ้นเว็บแล้วสีเพี้ยนนะครับ 55

งานเก่ามากอีกงานครับ สมัย มศว. ปี 1 เทอม 2
เป็นหนึ่งในงานที่รู้สึกกากครับ เพราะแทบไม่ได้ทำอะไรกับเจ้างานนี้เลย มาเป็นจอบ ยืดหดได้ -*-
พอดีตอนนั้นคิดได้แค่เนี้ยะแหละครับ ออกแนวทำเผาๆ เพราะแค่คืนเดียวจิงๆครับ แถมซ้ำเป็นงานสอบอีก
ส่วนอาจารย์แกก็ไม่ค่อยจะแคร์ลูกศิษย์เลยครับ มาๆ ขาดๆ สอนก็ไม่ค่อยสอนอะไรเลย ทั้งเทอมมีงานอยู่ 2 ชิ้นให้ส่งครับ อย่าให้ว่าเด๋วจะยาววววว 555
ยังไงขอโทษเพื่อน มศว นะครับ แต่อาจารย์คนนี้ผมอดไม่ไหวขอหน่อยเถอะ

Time To Deco

งานเมื่อนานมากแล้วครับ สมัยตอน มศว ปี 1 เทอม 2 รึป่าวไม่แน่ใจ วิชาฮิสตอรี่ครับ
ไม่มีไรมากครับ เป็นนาฬิกาที่ทำมาให้ตรงกับความเป็น Art Deco แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายว่า Deco มันเหลี่ยมๆ ไอ้เราก็ทำๆไป เน้นเรียบๆง่ายๆเป็นหลัก 555

ส่วนตัวงานนี้ผมชอบหน้าปัดนาฬิกาดีครับ ซึ่งเป็นนาฬิกาทีเปลี่ยนเข็มที่ยื่นออกมาให้กลายเป็นร่องเข็มแทนครับ แล้วหมุนทั้งตัวเรือนหน้าปัด แต่พอมาดูที่ตัวเรือนตอนหลังผมรู้สึกว่ามันยังไม่เรียบที่สุดอย่างแท้จิง มีกิ่งก้าน มีขาตั้งอะไรมาวุ่นวายลูกตาเหลือเกิน อยากเอามา Redesign อีกครั้งจัง lol

วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2552

Swu Hockey Club






















อันนี้งานจ็อบนอก(ที่ไมได้ตัง)ออกแบบลายสกรีนให้กับ Hockey Club ของ มศว นะครับ (ซึ่งทำหลังจากซิ่วมาแล้วได้ระยะหนึ่ง -*- )
ก็ทำออกมาให้หน้าตาดูกวนตีน แบบว่าเล่นจัดจ้านเต็มที่ แต่ส่วนตัวก็คิดว่าหน้ามันกวนตีนไปนิดนึงนะ 555
ไม่รู้เค้าเอาไปแล้วได้ใช้รึป่าว แต่ก็ทำแล้วสนุกดีครับ เป็นครั้งแรกที่วาดการ์ตูนแล้วมาทำอีลาสล่ะม้าง

วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2552

Redesign : Thai Privillege Spa



























อันนี้งานวิชา Graphic Design ในสมัยที่ยังเรียนอยู่ มศว. ปี 2 เทอม 1 โจทย์ก็ให้ไปเซอเวย์หาบริษัทโรงแรม หรือไม่ก็ Spa มาทำการ re design ให้ดีขึ้น
ซึ่งผมก็ไปเลือกที่ Thia Privillege Spa มา redesign ซะ ท้าวความเดิมทีบริษัทสปานี้ก็หรูระดับมากกกก
มีสาขาอยู่ที่เซ็นทรัลเวิลด์น่ะนะ ก็มา redesign ซึ่งทำไงให้ดีกว่าเค้าก็เป็นเรื่องยาก
แต่ในหัวผมคิดอย่างเดียวว่าเออ ถ้าทำสปาไทย ก็ไหนของเดิมเค้าก็ไทย เราก็เลยจะอัพเกรดให้เป็นไทย + จ๋า
ซึ่งตัวงานก็ออกมาตามนี้นะครับ ตามจิงยังมี manual report แต่นำมาลงไม่สะดวก ผลงานถามว่าพอใจมั้ย ก็พอใจครับ แต่ผมคิดว่ามันเป็นงานที่ตอนนี้มาดูแล้วไม่ดีเหมือนตอนทำน่ะสิ คือผมเน้นแค่ความสะใจของผมให้เป็นลายไทยเอามาจัดวาง แต่ดูแล้วไม่รู้สึกถึงสปา ที่ผ่อนคลายเลย แต่ได้อารมณ์ของสปาไทยที่โบราณ แทบจะมีนางรำมาอาบน้ำให้เราเลยทีเดียว ซึ่งมันดูอึดอัดและโบราณไปสำหรับผมที่มาดูเอาตอนนี้นะ แล้วก็ตัวโลโก้ที่มีลายพร้อยข้างในซึ่งจะมีปัญหาแน่ถ้านำไปใช้จิงแล้วย่อขยาย