วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2552

Thank Logo




อันนี้เป็นงานของขายสำหรับรุ่นพี่ ในงาน Thank คณะนะครับ เป็นสติ๊กเกอร์เล็ก กับป้ายติดรถ ซึ่งก็โดนเพื่อนๆสั่งมาให้ทำ เน้นโลโก้คณะ ละก็เวิร์ดดิ้งของ Decorative arts Silpakorn University

ก็รวมๆตอนแรกกะจะทำให้มันเป็นคำพูดของ Dec in car ซึ่งกะจะใส่กราฟฟิกอะไรเข้าไปด้วย แต่เนื่องจากเวลาที่บีบเหลือเกิน กับขี้เกียดยุ่งยาก ก็เลยจัดการนำโลโก้คณะมาแปะลงไป (ซึ่งส่วนตัวผมก็คิดว่าโลโก้นี้ก็สวยดีอยู่แล้วนะ การที่นำมาใช้นี้ก็น่าจะโอเค) ก็เลยจบงานที่ดูเรียบๆแค่นี้ครับ ทำออกมา สองสีคือ ดำ ขาว และสติ๊กเกอร์อีก 1

ยังไงนี่ก็เป็นรูปสแกน ไม่ใช่ไฟล์แท้นะครับเลยไม่ชัด

รุ่นพี่คนไหนโดนบังคับซื้อ หรือ ซื้อไปแล้วไม่ชอบ ก็ขอโทษด้วยกันนะครับ 555

เล่าถึงเรื่องวันงานแต๊งถึงผมต้องทำหน้าที่เสิฟแต่งานก็สนุกดีนะ ตอนแรกก็ต้องแต่งเหน่อ ออกไปเชินพี่ๆถึงตรอกข้าวสาร (จิงแล้วก็ต้องไปสยามด้วย) จำไม่ได้ว่าวันนั้นพี่วงอะไร เล่นเพลงโคตรเมา เอ้ย! มันส์เลย รวมๆแล้วบรรยากาศวันนั้นมหาลัยไม่ต่างอะไรกับผลับเลย 55

เอ้อป้ายติดหลังรถมี Error นิดหน่อย จับผิดกันได้นะเออ แล้วก็ขอบคุณ บอม กะคุณแม่บอมด้วยนะ ที่ทำหน้าที่ฝ่ายผลิตได้ดีจิงๆ

mouse







อันนี้งานไม่นานนี้ครับ คือโจทย์ให้ทำสเก็ตเม้าส์ ที่ค่อนข้างมีคอนเซ็ปแนวๆ โดดเด่นแบบที่ไม่เคยมี แล้วให้ทำโมเดลออกมาให้สมจริงเรียลลิตี้ที่สุด กดได้คลิ๊กได้จิงครับ O_o ซึ่งก็โอเคครับ โมเดลทำเส็ดออกมา ก็สมหวัง หากแต่ติดตรงerror ไปกับสี bright silver ที่แห้งช้ามากๆ 3 วันแล้วโดนกดยังเป็นรอยเลย




เนื่องจากโจทย์งานอาจารย์ไม่ค่อยสนใจในเรื่องการขาย สนแต่เพียงคอนเซ็ปแปลกๆ กับการทำโมเดลให้ได้ดังแบบ ดังนั้นดีไซน์ รูปแบบอะไรผมก็ไม่ได้เน้นมาก แค่กะให้เส็ดภายในวัน สองวัน ก็ได้ดังนี้ครับ ผลงานออกมาใช้ได้ระดับนึง ซึ่งผมก็คิดในเรื่องระบบ Data traveller ที่เดี๋ยวนี้คนไปไหนมาไหน พก Usb ตัวเดียว ก็สามารถฟังเพลงได้ เคลื่อนย้ายไฟล์ได้ ถ้าเกิดว่าเรานำมาใช้กับเม้าส์ไร้สาย ที่เหมาะแก่การพกพาคู่ไปกับโน้ตบุ๊ก ผมว่ามันน่าจะเวิคนะครับ




เอาน่ะครับ งานนี้ผมไม่ได้คิดลึกซึ้งอะไร ทำๆออกมาก็โอเคสมใจแล้วครับ
งานนี้สนุกที่สุดก็ตอนที่ไปสำเพ็งตะเวนหาของนี่แหละครับ เนื่องจากเม้าส์โมเดลต้องคลิ๊กได้มีเสียงจริง เพราะงั้น ต่างคนก็ต่างต้องคิดวิธีว่าจะทำไงกันดี ตอนแรกก็มีไอเดียจากเพื่อนคนนึงว่า ใช้เปลือกท็อฟฟี่จิ
เออ?นะ มันก็น่าจะใช้ได้
แต่สุดท้ายแล้วแทบทุกคนก็ไปใช้ลูกคลิ๊กจากเม้าส์จิงกันทั้งนั้น ซึ่งผมก็ไปได้เม้าที่แบบนดินขายแถบถนนเสือป่า ตัวละ 20 บาท สภาพพอดูได้ ปรากดว่ามาเสียบกับคอม ยังใช้ได้เหมือนเม้าส์ปกติเป๊ะ (จะทิ้งกันทำม๊าย) ว่าแล้วก็ซื้อมา 3 ตัว แงะเสียไปตัวนึง อีกตัวนึงก็เอามาใช้ตามปกติ ส่วนอีกตัวเอามาเป็นเม้าส์สำรองที่บ้าน lol คุ้มจิงๆ 60 บาทได้เม้าส์ตั้ง 3 ตัวแหนะ แต่เหนื่อยหน่อย เพราะวันนั้นผมเดินตั้งแต่หน้าเพาะช่าง(แถวๆพาหุรัด ยันถนนเสือป่า แถมเดินวนๆไปมานานมากๆ) สนุกกับได้ประสบการณ์ดี ขอบคุณเปาที่ให้แหล่งขายนะ 555

ink cartridge : Recharger






















อันนี้ก็งานเดียวกับ กล่องรูปผีเสื้อนะครับ
แต่ว่าคนละยี่ห้อ แต่รูปแบบกล่องก็เหมือนๆกัน
ทั้ง 2 ยี่ห้อได้ผลิตกล่องจริงออกมาขายกันแล้ว แต่เสียดายที่ไม่ใช่หมึกปริ้นดังอะไร (ก็แหงล่ะนะ ไม่งั้นผมคงไม่มีสิทธิ์ได้ทำหรอก lol) น่าจะเห็นได้ตามพวกร้านขายหมึกปริ้นตามพันทิพ กะ ฟอร์จูนครับผม

วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2552

Ink Cartridge





































อันนี้เป็นจ็อบนอกนะครับจากพ่อเพื่อน(พ่อโบ้) ให้ออกแบบกล่อง ink cartridge ก็ได้ประมาณนี้ ทำตอนปี 2 เทอม 1(มศว) ครับ งานนี้เป็นกราฟฟิกเต็มตัวชิ้นแรกของผมจริงๆที่ค่อนข้างส่งผล ต่อการผลักดันที่อยากทำกราฟฟิกต่อๆไป ก่อนหน้านี้ผมใช้อีลาสเพื่อการจัด layout เพียงอย่างเดียว
ซึ่งแท้จริงแล้วตอนแรกผมก็กะว่าจะทำเป็นรูปแบบกล่องหมึกปริ้นทั่วๆไป ที่เป็นการวางรูปภาพสีสดๆ กะรูปถ่ายผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายใน แต่ปรากฏว่าลูกค้าชอบแบบที่เป็นกราฟฟิกที่ผมทำมามั่วๆซะมากกว่า ก็ทำไปทำมา พัฒนาไปมาก็มาสุดอยู่ที่ 2 แบบนี้ครับ
* ตัวผีเสื้อไม่ใช่ clipart นะครับ ผมทำขึ้นเอง






























อ่ะนี่คืองานสมัยที่ผมยังศึกษาใน มศว.น่ะนะครับ (ปี 2 เทอม2) งานนี้คือการทำมินิทีสิสที่รวมกลุ่มกัน 5 คน ทำทั้งเทอม ก็วัดน้ำใจกันไปดีเหมือนกันนะ
ตัวงานก็เป็นเครื่องทำน้ำอุ่นที่เน้นประโยชน์ใช้สอยให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของบุคคลผู้มีกำลังซื้อสูง พร้อมเป็นรูปแบบมัลติฟังก์ชั่น และการใส่เทคโนโลยี Touch Screen Ceramic ลงไปในปุ่มกดด้วยครับ เพื่อป้องกันคราบที่จะเกิดจากไคลน้ำ หรืออะไรต่างๆ พร้อมหัวฝัก 2 แบบ ที่เป็นแบบเลื่อนติดตัวเครื่อง และหัวฝักตามปกติ
ข้อด้อยงานนี้ผมก็ว่ารูปดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากเปลือกหอย ว่าแต่การ re design บ่อยๆก็ทำให้เกิดการสับสนเหมือนกัน ซึ่งตอนนั้นก็ดูว่าดีแล้วมาตอนนี้ผมก็ว่ามันแหม่งๆอยู่นะ แต่ก็โอเคผลงานออกมาก็ภูมิใจดี ขอบคุณเพื่อนร่วมกลุ่มทั้งหลายแหล่

อุ่นเครื่อง

ก็จากที่อัพไว้คราวที่แล้ว

ครั้งนี้ก็ประเดิมเริ่มการเขียนบล็อกให้เข้าเรื่องไปอีกนิดนึงนะ 55

ก็ยัง งงๆ น่ะนะถ้าจะพูดถึงงานก็ไม่รู้จะเริ่มจากไร เพราะข้อจำกัดบล็อกก็ทำให้เรียงไฟล์งานตามต้องการได้ลำบากเหมือนกันนะ

เอาเป็นว่าคิดไง อยากลงไรก็ลงเลยแล้วกัน จนกว่าจะลงงานที่เคยทำไว้ครบตามต้องการ ก็จะค่อยหาใหม่ๆมาลง

ซึ่งผมก็คงลงเฉพาะงานที่โอเค ย้อนสมัยมัธยมคงไม่แสล๋นดอกเอามาลงละล่ะ ไม่ใช่ hi5 หนินะ lol



งานส่วนใหญ่ที่ผมทำก็เป็นพวกงานกราฟฟิก โปรดัก สีน้ำก็มีนะ(เพื่อนที่ Dec คงไม่เคยเห็นผอดสีน้ำเก่าผมเท่าไหร่ และก็คงไม่คิดว่าแท้จริงแล้วผมหลงใหลในสีน้ำมาก หากแต่การเอามาใช้ในปัจจุบันนั้นเริ่มมีน้อย เพราะผมเอะอะอะไรถ้ามีโอกาสก็คอมไว้ก่อน ซึ่งไม่ดีเลยก็ ว่าไว้จะมาลงเล่นๆเหมือนกันนะ) ก็เลยรวมๆแล้วจะเป็นงานคอมซะมากกว่า



เป็นไปได้ตอนนี้เวลาว่างปิดเทอม ผมไม่ได้ไปติวน้องที่ไหนอย่างที่เคย แต่ก็ฝึกคุ้ยวิชา photoshop เก่าที่เคยลืมไปหมดแล้ว (เพราะใช้แต่อีลาส) ก็คุ้ยกลับมาได้ประมาณนึง กับไปฝึกวาดโครงหน้าการ์ตูนและกะจะต่อด้วยฟิกเกอร์แบบคร่าวๆที่น่าจะเอาไปอะแด๊พทำไรได้หลายอย่างน่ะนะ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นได้แค่วาดหน้าการ์ตูนเท่านั้น ที่ผมใช้แบบจากอาจารย์ Ayami Kojima ที่เป็นคาแรคเตอร์ดีไซน์ให้แก่เกมส์ตระกูล Castlevania อยู่ช่วงนึง งานอาจารย์แกจะออกฟิวหลอนๆ เหมือนพวกอารมณ์เรอเนสซองส์ไรประมาณนั้น และส่วนตัวชอบในความการ์ตูนที่มีความเป็นเรียลลิสซะมาก


<< นึ่หนึ่งในงานของอาจารย์แก งามจริงๆ เห็นว่าเพื่อนบางคนเค้าบอกว่าส่วนใหญ่พวกญี่ปุ่นทำ Cg charactor แบบเทิร์นโปรเค้าจะนิยมใช้การเพนท์นอกก่อน แล้วค่อยนำเข้าคอมแล้วแต่ง ซึ่งต่างจากคนไทยที่เริ่มกับจบงานด้วยคอมเป็นส่วนมาก ไม่รู้ว่าจริงรึป่าว ผิดถูกไงบอกด้วยนะ?








นอกเรื่องไปไกล คือตามจริงที่หลังๆสนใจงานลักษณะนี้ ก็เพราะอยากจะทำให้ตัวเองเป็นไรมากกว่าโปรดัก และการทำกราฟฟิกที่จำเจ และ อยากวาดคน หรือ การ์ตูนอย่างคร่าวๆเป็น ซึ่งน่าจะไปใช้ในงานได้หลากหลาย เช่นว่า การวาดคนลงไปเป็นงานกราฟฟิกโดยที่ไม่ต้องไปดราฟหรือหาจากไหน และถ้าจุดสูงสุดที่ผมอยากให้ได้มากสุดคือการนำคาแรคเตอร์ไปสร้างกับโปรแกรม 3d zbrush นะครับ พอละครับ ครั้งนี้ก็ยังแค่เกริ่นก่อน ต่อๆไปคงจะเข้าเรื่องแล้วซะที

วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2552

H e l l o




บล็อกใหม่คนใหม่นะครับ
ผมชื่อมิ้งนะครับ ตอนนี้ก็อยู่ปี 1 ที่ศิลปากร คณะมัณฑนศิลป์ ภาควิชาออกแบบผลิตภัณฑ์ซึ่งเดิมทีผมซิ่วมาจาก มศว คณะศิลปกรรมศาสตร์ ภาควิชาออกแบบผลิตภัณฑ์ ถ้าเทียบตามวุฒิจริงผมก็ต้องอยู่ปี 3 และล่ะ 55
ผมก็เป็นผู้หนึ่งที่ชอบในงานศิลปะ ซึ่งตอนนี้เรียนอยู่ในสายงานโปรดักที่ตอนนี้เน้นการทำโมเดล แต่นอกจากนี้ผมก็พอมีสกิลเก่าจากสมัยก่อนบ้างก็พวกกราฟฟิก 3d แพ็คเกจ กะ สีน้ำ ซึ่งความชอบผมตอนนี้ผมชอบด้านกราฟฟิกมากกว่าโปรดักซะอีก แต่ก็ไม่แน่นอนครับ อนาคตเปลี่ยนแปลงได้เสมอ

นี่ก็เป็นการเริ่มเปิดบล็อกใหม่ซึ่ง ผมก็ได้วางแผนจะทำมาตั้งนานละ แต่ขี้เกียดบ้าง ไรบ้างนะ จนก็ได้มีกะเค้าซะที ก็แน่นอนครับ บล็อกนี้ก็คงเน้นการลงงานเป็นหลัก แต่ก็คงมีโม้ๆ พูดเรื่องไร้สาระซะบ้าง ผมเองก็มีอะไรให้พูดเยอะนะ ปกติก็พูดเก่งในเวลาที่จำเป็น งั้นถ้ามีไรเขียนลงไปที่มันน่าจะเป็นประโยชน์ หรือความคิดอะไรที่ผมคิดแปลกๆออกไป ก็น่าจะมีให้อ่านกันละนะคราวนี้ คิดว่าคงได้อะไรมากกว่าที่ดูงานแน่เลย 55
แต่ก็อย่าเข้าใจผิดนะครับว่าผมมันติสต์แตก หรือ เข้าใจยาก ผมก็คนนึงทั่วๆไปนั่นแหละครับ ก็พูดในฐานะนักศึกษาวิชาศิลปะน่ะนะ โดยส่วนตัวผมเป็นคนเห็นอะไร ก็ชอบคิดไปเรื่อยๆ ออกแนวฟุ้งซ่าน ซึ่งส่วนใหญ่เรื่องฟุ้งซ่านที่ผมจะเอามาพูดมักจะไม่บ่อย ยกเว้นเวลาเมาๆ หรือกับเพื่อนเก่าเพื่อนแก่เท่านั้น